สุลต่านอิสมาอีล ซาห์
ทรงปกครองเมืองปัตตานีระหว่างพ.ศ.2043-2079 เป็นผู้สถานปนานคร ปาตานีดารุสลาม เมืองปัตตานีมีความเจริญ มีชื่อเสียงทางการค้า และเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ศาสนาอิสลาม
3 ราชินีของปัตตานี
ที่ฝังพระศพของรายา 3 พระองค์ ได้แก่ รายาฮีเยา (พ.ศ.2127-2129) รายาบีรู (พ.ศ.2159-2167) และรายาอูงู (พ.ศ.2167-2178) ทั้งสามเป็นธิดาของพญาอินทิรา และมีรายาองค์ที่ 4 คือ รายากูนิง เป็นธิดาของรายาอูงู
วัดราชบูรณะ
เป็นวัดเก่าแก่กว่า 300 ปี มีตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรีเป็นผู้สร้าง แล้วนิมนต์สมเด็จพระโคะหรือหลวงพ่อทวดมาจำพรรษา เป็นวัดที่ผู้คนศรัทธากราบไหว้อธิษฐานพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์แคล้วคลาดปลอดภัย
ศาลา
สร้างเป็นที่ประทับในรัชกาลที่ 7 เมื่อครั้งเสด็จฯทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงใน พ.ศ.2472 โดยขุนอัคนีนายสถานีรถไฟเป็นผู้จัดหาวัสดุและเป็นแม่งานก่อสร้าง ตั้งอยู่ด้านหลังสำนักงานที่ดินโคกโพธิ์
ย่านชุมชนชาวจีนหัวตลาด:ปัตตานีภิรมย์
เรียนรู้สถาปัตยกรรมอาคารแบบชิโนโปรตุกีส ประกอบด้วย ย่านถนนปัตตานีภิรมย์ ถนนอาเนาะรู กือดาจีนอ (ภาษามลายู) กือดา แปลว่า "ตลาด" จีนอ แปลว่า "จีน"
อาคารบ้านเรือนทรงจีนในอ.สายบุรี
บ้านไม้เก่าแก่สองชั้นสร้างยาวติดกันไปหลายหลัง ยังคงสภาพดังเดิมของชุมชนไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาตั้งรกรากในสายบุรี
เป็นที่อยู่ของพระยาสุริยสุนทรบวรภักดี ศรีมหารายา มัตตาอัปดุลวิบุลยขอบเขตประเทศมลายู (เจ้าเมืองสายบุรีคนที่ 3) สร้างโดยสถาปนิกชาวชวาในปี 2428 (สมัยร.5)
วัดบางน้ำจืด:พระอารามหลางชั้นตรี
สร้างเมื่อประมาณพ.ศ. 2395 เป็นที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาประจำมณฑลปัตตานี เดิมชื่อว่าวัดบางน้ำจืด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จ
มัสยิดประจำเมืองปัตตานี
เริ่มสร้างสมัยสุลต่านมูฮัมหมัด (ตนกูบือซา พ.ศ.2388-2399) มีการบูรณะต่อเติมหลายครั้ง มีสถาปัตยกรรมผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรม สวยงามน่าชม
แหล่งศิลปวัฒนธรรมในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี
เส้นทางเรียนรู้แหล่งศิลปวัฒนธรรมชุมชนต่าง ๆ อาทิ สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกิส วังจะบังติกอ และชุมชนชาวจีน
มัสยิดรูปทรงคล้ายทัชมาฮาล
สร้างในพ.ศ.2497 เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาล ตรงกลางมีโดมใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้าง มีสระน้ำทรงสี่เหลี่ยม